นโยบายความเป็นส่วนตัว
เพราะคุณคือสมาชิกคนสำคัญของ บริษัท วี ฟิตเนส จำกัด บริษัทฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและบริการ ตลอดจนสิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องตรงใจกับรูปแบบการออกกำลังกายที่แตกต่างกันของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการทุกท่าน วี ฟิตเนส จึงมีความจำเป็น ต้องใช้ข้อมูลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เพื่อการส่งมอบสุขภาพที่ดีที่สุด วี ฟิตเนส ตระหนักดีว่าความปลอดภัยของข้อมูลท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น วี ฟิตเนส จึงขอเรียนให้ทราบว่าบริษัทฯ มีนโยบายในการดูแลและบริหารจัดการข้อมูลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ให้ถูกเข้าถึง นำไปใช้ เปลี่ยนแปลง หรือ เปิดเผยโดยไม่ชอบหรือมีเจตนาไม่สุจริต
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อชี้แจงให้ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลทราบว่าบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ใด รายละเอียดในการรวบรวม เก็บ ใช้เป็นอย่างไร ตลอดจนชี้แจงสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามกฎหมาย
บริษัทฯ อาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมายลำดับรอง ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการ ที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทฯจะเผยแพร่ใน Website หรือ ช่องท่านอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนของสมาชิกและผู้ใช้บริการรายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) และไม่ว่าท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการได้ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัทฯ หรือ ที่บริษัทฯได้รับ หรือ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ (ตามที่จะกล่าวต่อไป)ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการที่บริษัทฯเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยตามประกาศมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว
2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
วี ฟิตเนส จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการที่บริษัทฯ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น เสิร์ชเอนจิน โซเชียลมีเดีย หน่วยงานราชการ บุคคลภายนอกอื่น ๆ เป็นต้น
2.2 ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ดังต่อไปนี้ เมื่อบริษัทฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เว้นแต่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ (ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปภาพใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น โดยบริษัทฯไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯได้รับความยินยอมจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์ (ก) ในการพิสูจน์ตัวตนของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการที่สมัครใช้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับบริษัทฯ หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการประสงค์จะใช้ข้อมูลชีวภาพในการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือ (ข) ใช้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา หรือเว็บไซต์ของบริษัทฯ)
ผู้เยาว์
หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือมีข้อจำกัดความสามารถตามกฎหมาย บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการให้ความยินยอมหรือที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ หากบริษัทฯ ทราบว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง บริษัทฯ จะดำเนินการลบข้อมูลนั้นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทฯ
เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิบริษัทฯดำเนินการเก็บรวบรวม /ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีดังต่อไปนี้
3.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ กับบริษัทฯ
(1) การเข้าใช้บริการตามสิทธิ์ที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการพึงได้ ตามข้อกำหนดในสัญญาหรือเงื่อนไข ก่อนเข้าใช้บริการครั้งแรก
(2) สิทธิในการใช้บริการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการในภายหลัง โดยทั้งสองฝ่ายต้องได้รับความยินยอมและตกลงกันเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลง
(3) การปฏิบัติการกฎระบบการเข้าใช้บริการ ตามระเบียบและข้อกำหนดของบริษัทฯ
(4) สิทธิในการยกเลิกการใช้บริการ ภายใต้เงื่อนไขบริษัทฯ และขอบเขตของกฎหมาย
(5) การรับ-ส่งเอกสารติดต่อระหว่างท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ กับบริษัทฯ
(6) การทวงถามให้ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการชำระหนี้ที่ค้างตามสัญญามีกับบริษัทฯ
3.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย
(1) การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของการบริการไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การทะเลาะวิวาท การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก้ผู้ใช้บริการท่านอื่นๆในคลับ หรือ การสร้างความเสียหายทีเกิดกับบริษัทฯที่ให้บริการ
(2) การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น
3.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
(1) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/ชีวิต/ร่างกาย/เสรีภาพ/ชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น
(2) การบันทึกภาพนิ่ง/วิดิโอภาพ พนักงาน,สมาชิกหรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ โดยเก็บบันทึกข้อมูลลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารของบริษัทฯ
(3) การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเพื่อการดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
(4) การตรวจสอบการรับส่ง E-mail หรือการใช้อินเทอร์เน็ตของพนักงานกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทฯต่อบุคคลภายนอก
(5) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพในประเภทเดียวกันกับที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีอยู่กับบริษัทฯและเหมาะสมกับความต้องการของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการและ/หรือในการทำวิจัยทางการตลาด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของบริษัทฯ และ/หรือ การรักษาความสัมพันธ์กับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯอาจส่งผลกระทบต่อตัวท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในการไม่ได้รับการให้ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ/บริการ ไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการหรือบริษัทฯต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯจะไม่แบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการต่อบุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทพันธมิตรของบริษัทฯ เว้นแต่ (ก) บริษัทฯได้รับความยินยอมจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (ข) เป็นการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (ค) การเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
4.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ (Service Provider) ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัทรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ภายในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, การบริการจัดเก็บและทำลายเอกสาร, การบริการรักษาความปลอดภัย, การบริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติพื้นหลัง, การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, การบริการด้านการตลาด บริการสื่อสิ่งพิมพ์, บริการระดับมืออาชีพ เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่างเทคนิค ผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานกฎหมาย สำนักงานภาษี หรือที่ปรึกษาอื่น ๆ
4.2 บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างทำวิจัยให้แก่บริษัทฯ โดยสมาชิกต้องได้รับความยินยอม
4.3 หน่วยงานราชการ และ/หรือ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีหมายเรียก หมายอายัดให้บริษัทฯส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ
4.4 การบริหารงานภายในองค์กร เพื่อปรับปรุงและพัฒนาสินค้าหรือบริการของบริษัทฯ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลภายในสำหรับสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการและผู้อื่นมากขึ้น
4.5 พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อติดต่อและประสานงานในการให้บริการสินค้าหรือบริการ และให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของสินค้าหรือบริการ
4.6 การถ่ายโอนธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูล รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือการขายกิจการ หรือการถ่ายโอนสินทรัพย์อื่น ๆ โดยฝ่ายที่รับโอนต้องปฏิบัติกับข้อมูลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายนี้ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
บริษัทฯได้กำหนดนโยบาย คู่มือ และมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เป็นต้น และบริษัทฯได้มีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามสัญญารักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
ในกรณีที่บริษัทฯมีความจำเป็นต้องส่ง หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯจะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายประเทศนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
บริษัทฯคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ซึ่งสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการควรทราบ ได้แก่
7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เช่น ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังมีการใช้บริการ / ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากบริษัทฯ หรือท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทฯ เป็นต้น
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access Information)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือ ขอให้บริษัทฯเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (Right to Data Portability)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล (Right to Object Profiling)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ในกรณีดังนี้
(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ
7.5 สิทธิขอให้ลบ / ทำลายข้อมูล (Right to Erasure)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป
(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการร้องขอ
(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการขอให้ระงับการใช้แทน
(3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(4) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล
7.7 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิร้องเรียน (Right to Complain)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่บริษัทฯหรือผู้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือ ผู้ประมวลผล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ สิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการดังกล่าวข้างต้น จำกัดเฉพาะข้อมูลที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทฯจัดทำ ซึ่งบริษัทฯอาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการได้ หากบริษัทฯมีประโยชน์อันชอบธรรมที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Legitimate interest) ไว้ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับแล้วและเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ เช่น
– เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ได้แก่ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอนั้นรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลซึ่งบริษัทฯต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจ หรือเอกสารข้อมูลที่ร้องขอนั้นรวมถึงเอกสารทีมีข้อมูลภายในของบริษัทฯรวมอยู่ด้วย ข้อมูลที่บริษัทฯยังต้องใช้ในการทำธุรกรรมกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเมื่อท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังคงเป็นท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการของบริษัทฯอยู่ ไม่ได้ขอยกเลิกบริการหรือสัญญากับบริษัทฯ เป็นต้น
เนื่องด้วยบริษัทฯจะสามารถให้บริการแก่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามข้อสัญญาระหว่างกันได้ก็ต่อเมื่อบริษัทฯได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการที่บริษัทฯเก็บรวบรวมเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (Customer Due Diligence) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อมูลปัจจุบันให้มากที่สุด ดังนั้น ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับบริษัทฯในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
ในกรณีที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการของบริษัทฯอีกต่อไป หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทฯไปแล้ว บริษัทฯจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสำรองไว้ตามที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบาย คู่มือต่าง ๆ ในเรื่องการจัดเก็บ ทำลายเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทฯ
เพื่อประโยชน์ในการได้รับสินค้าหรือบริการของบริษัทฯ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงสินค้าหรือบริการ และทำการตลาดผ่าน Google, Facebook, pixel tracking code และอื่น ๆ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้สินค้าหรือบริการเหมาะสมกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เว็บไซต์ของบริษัทฯ อาจแสดงโฆษณาจากบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการของบริษัทฯ เช่น Google AdSense, BuySellAds บุคคลที่สามเหล่านี้อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเพื่อดำเนินการเหล่านี้เท่านั้น และมีหน้าที่ไม่เปิดเผยหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
บริษัทฯ อาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทฯ ผ่านทางอีเมลอีกต่อไป ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” ในลิงก์อีเมล์หรือติดต่อมายังอีเมล์ของบริษัทฯ ได้
เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทฯ ใช้คุกกี้ (Cookies)หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน เพื่อพัฒนาการเข้าถึงสินค้าหรือบริการ โฆษณาที่เหมาะสม และติดตามการใช้งานของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ บริษัทฯ ใช้คุกกี้เพื่อระบุและติดตามผู้ใช้งานเว็บไซต์และการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทฯ หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ต้องการให้มีคุกกี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถตั้งค่าบราวเซอร์เพื่อปฏิเสธคุกกี้ก่อนที่จะใช้เว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับการเสนอสินค้า บริการ และการใช้งานบนเว็บไซต์สำหรับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการของบริษัทฯ เท่านั้น หากคุณเข้าชมเว็บไซต์อื่นแม้จะผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีการเก็บข้อมูลใน Server ของบริษัทฯเอง และหรือผู้ให้บริการ cloud service providerในประเทศไทยและต่างประเทศ
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ รวมถึงสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถติดต่อบริษัทฯผ่านช่องทาง
16.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
16.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
16.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
16.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คุณพหล โพธิ์สัจจะพันธ์ โทร.020593999 ต่อ 9555
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้า
วี ฟิตเนส จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในฐานะคู่ค้าและคู่ค้าที่คาดหวังของบริษัทฯ โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้านี้จะอธิบายถึงแนวทางปฏิบัติและวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิอื่น ๆ ของเจ้าของข้อมูลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
1. วัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ในการจัดทำนโยบายฉบับนี้
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อชี้แจงให้คู่ค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลทราบว่าบริษัทฯ รวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ใด รายละเอียดในการรวบรวม เก็บ ใช้เป็นอย่างไร ตลอดจนชี้แจงสิทธิของคู่ค้าตามกฎหมาย
บริษัทฯ อาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมายลำดับรอง ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการ ที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทฯ จะเผยแพร่ใน Website หรือ ช่องท่านอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
2. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนของคู่ค้ารายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) และไม่ว่าคู่ค้าได้ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัทฯ หรือ ที่บริษัทฯ ได้รับ หรือ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ (ตามที่จะกล่าวต่อไป)ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยตามประกาศมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว
2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
วี ฟิตเนส จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากคู่ค้าผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
● แบบฟอร์มประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
● ขั้นตอนการประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
● แบบฟอร์มใบสมัครคู่ค้า
● การนำส่งเอกสารประกอบการประเมินการจัดซื้อจัดจ้าง
● การส่งข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางโทรศัพท์
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางอีเมล
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางไปรษณีย์
● Google Login, LINE Login, LinkedIn Login, Facebook Login
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าที่บริษัทฯ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น เสิร์ชเอนจิน โซเชียลมีเดีย หน่วยงานราชการ บุคคลภายนอกอื่น ๆ เป็นต้น
2.2 ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ดังต่อไปนี้ เมื่อบริษัทฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากคู่ค้า เว้นแต่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ (ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปภาพใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น โดยบริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากคู่ค้า ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากคู่ค้า เพื่อวัตถุประสงค์ (ก) ในการพิสูจน์ตัวตนของคู่ค้าที่สมัครใช้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับบริษัทฯ หากคู่ค้าประสงค์จะใช้ข้อมูลชีวภาพในการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือ (ข) ใช้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่ค้าเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา หรือเว็บไซต์ของบริษัทฯ )
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นต่อบริษัทในการใช้เพื่อพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างคู่ค้าหรือปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ หากคุณไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการประมวลผลใบสมัครคู่ค้าของคุณต่อไปได้
3. เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิอะไรที่บริษัทฯ มีในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิบริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวม /ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้ามีดังต่อไปนี้
3.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างคู่ค้า กับบริษัทฯ
(1) การเข้าพื้นที่ของสำนักงานใหญ่หรือสาขาของบริษัทฯ ตามสิทธิ์ที่คู่ค้าพึงได้ ตามข้อกำหนดในสัญญาหรือสิทธิ์การเป็นคู่ค้า
(2) สิทธิในการเข้าพื้นที่ของสำนักงานใหญ่หรือสาขาของบริษัทฯ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในภายหลัง โดยทั้งสองฝ่ายต้องได้รับความยินยอมและตกลงกันเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลง
(3) การปฏิบัติตามกฎระเบียบของคู่ค้า ตามระเบียบและข้อกำหนดของบริษัทฯ
(4) สิทธิในการยกเลิกการเป็นคู่ค้า ภายใต้เงื่อนไขบริษัทฯ และขอบเขตของกฎหมาย
(5) การรับ–ส่งเอกสารติดต่อระหว่างคู่ค้า กับบริษัทฯ
3.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย
(1) การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของการบริการไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การทะเลาะวิวาท การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก้ผู้ใช้บริการท่านอื่นๆในคลับ หรือ การสร้างความเสียหายทีเกิดกับบริษัทฯ
(2) การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น
3.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
(1) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/ชีวิต/ร่างกาย/เสรีภาพ/ชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น
(2) การบันทึกภาพนิ่ง/วิดิโอภาพ คู่ค้าหรือผู้ที่เข้ามาในพื้นที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ โดยเก็บบันทึกข้อมูลลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารของบริษัทฯ
(3) การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเพื่อการดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
(4) การตรวจสอบการรับส่ง E-mail หรือการใช้อินเทอร์เน็ตของคู่ค้า เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทฯ ต่อบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ หากคู่ค้าไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ อาจส่งผลกระทบต่อตัวคู่ค้าในการไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและคู่ค้าอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่คู่ค้าหรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
4. บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าให้แก่ใคร และเหตุผลในการเปิดเผย
บริษัทฯ จะไม่แบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าต่อบุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทพันธมิตรของบริษัทฯ เว้นแต่ (ก) บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากคู่ค้า (ข) เป็นการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของคู่ค้า (ค) การเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
4.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ (Service Provider) ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัทรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ภายในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, การบริการจัดเก็บและทำลายเอกสาร, การบริการรักษาความปลอดภัย, การบริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติพื้นหลัง, การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, การบริการด้านการตลาด บริการสื่อสิ่งพิมพ์, บริการระดับมืออาชีพ เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่างเทคนิค ผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานกฎหมาย สำนักงานภาษี หรือที่ปรึกษาอื่น ๆ
4.2 บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างทำวิจัยให้แก่บริษัทฯ โดยคู่ค้าต้องได้รับความยินยอม
4.3 หน่วยงานราชการ และ/หรือ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีหมายเรียก หมายอายัดให้บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า
4.4 การบริหารงานภายในองค์กร บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูล ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของคู่ค้า
4.5 พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อติดต่อและประสานงานในการพัฒนาคุณภาพของคู่ค้าและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ
4.6 การถ่ายโอนธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูล รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือการขายกิจการ หรือการถ่ายโอนสินทรัพย์อื่น ๆ โดยฝ่ายที่รับโอนต้องปฏิบัติกับข้อมูลของคู่ค้าในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายนี้ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
5. บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าอย่างไร
บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย คู่มือ และมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของคู่ค้า เป็นต้น และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ คู่ค้า ก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าตามสัญญารักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่ง หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯ จะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายประเทศนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
● การประเมินคู่ค้าและขั้นตอนในการสมัครเข้าเป็นคู่ค้า
● การสร้างและจัดการบัญชีคู่ค้าในฐานข้อมูลของบริษัท
● การปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาระหว่างคุณและบริษัท
● การบันทึกภายในและการจัดการของบริษัท
● ขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติของคู่ค้า
● การตรวจสอบภายในหรือสอบสวนของบริษัท
● การตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ของบริษัท เช่น การบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิดและการแลกบัตรประจำตัวประชาชนก่อนเข้าอาคารหรือบริเวณของบริษัท
● เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงานราชการ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
7. สิทธิของคู่ค้าเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
บริษัทฯ คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของคู่ค้า ซึ่งสิทธิของคู่ค้าในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คู่ค้าควรทราบ ได้แก่
7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
คู่ค้ามีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่คู่ค้า เช่น คู่ค้ายังมีการใช้บริการ / ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากบริษัทฯ หรือคู่ค้ายังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทฯ เป็นต้น
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access Information)
คู่ค้ามีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือ ขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่คู่ค้าไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (Right to Data Portability)
คู่ค้ามีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับคู่ค้าจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล (Right to Object Profiling)
คู่ค้ามีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับคู่ค้า ในกรณีดังนี้
(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ
7.5 สิทธิขอให้ลบ / ทำลายข้อมูล (Right to Erasure)
คู่ค้ามีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นคู่ค้าได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป
(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
คู่ค้ามีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่คู่ค้าร้องขอ
(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คู่ค้าขอให้ระงับการใช้แทน
(3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่คู่ค้ามีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(4) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่คู่ค้าใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล
7.7 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification)
คู่ค้ามีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิร้องเรียน (Right to Complain)
คู่ค้ามีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่บริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือ ผู้ประมวลผล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ สิทธิของคู่ค้าดังกล่าวข้างต้น จำกัดเฉพาะข้อมูลที่คู่ค้าส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทฯ จัดทำ ซึ่งบริษัทฯ อาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของคู่ค้าได้ หากบริษัทฯ มีประโยชน์อันชอบธรรมที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Legitimate interest) ไว้ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับแล้วและเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ เช่น
– เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ได้แก่ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอนั้นรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลซึ่งบริษัทฯ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล เจ้าคู่ค้าของรัฐที่มีอำนาจ หรือเอกสารข้อมูลที่ร้องขอนั้นรวมถึงเอกสารทีมีข้อมูลภายในของบริษัทฯ รวมอยู่ด้วย ข้อมูลที่บริษัทฯ ยังต้องใช้ในการทำธุรกรรมกับคู่ค้าเมื่อคู่ค้ายังคงเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ อยู่
8. หน้าที่ของคู่ค้าในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
เนื่องด้วยบริษัทฯ จะสามารถมอบสิทธิประโยชน์หรือปฏิบัติตามระเบียบบริษัทฯ หรือกฏหมายที่เกี่ยวข้องได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคู่ค้า (Customer Due Diligence) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อมูลปัจจุบันให้มากที่สุด ดังนั้น คู่ค้าจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ ในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
9. บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าไว้นานเท่าใด
ในกรณีที่คู่ค้าไม่ได้เป็นคู่ค้าของบริษัทฯ อีกต่อไป หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไปแล้ว บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าสำรองไว้ตามที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบาย คู่มือต่าง ๆ ในเรื่องการจัดเก็บ ทำลายเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทฯ
10. การโฆษณาและการตลาด
เพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิ์อื่นๆสำหรับคู่ค้า บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของคู่ค้าเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงพัฒนาคุณภาพของคู่ค้าและองค์กรผ่านทาง Google, Facebook, pixel tracking code และอื่น ๆ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับคู่ค้า เว็บไซต์ของบริษัทฯ อาจแสดงโฆษณาจากบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกของบริษัทฯ เช่น Google AdSense, BuySellAds บุคคลที่สามเหล่านี้อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าเพื่อดำเนินการเหล่านี้เท่านั้น และมีหน้าที่ไม่เปิดเผยหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
บริษัทฯ อาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของคู่ค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคู่ค้า หากคู่ค้าไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทฯ ผ่านทางอีเมลอีกต่อไป คู่ค้าสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” หรือแจ้งทางบริษัทฯ เพื่อยกเลิกได้
11. การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีการเก็บข้อมูลใน Server ของบริษัทฯ เอง และหรือผู้ให้บริการ cloud service providerในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
12. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของคู่ค้า บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้คู่ค้าทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
13. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยคู่ค้าสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
14. ช่องทางและรายละเอียดการติดต่อ
หากคู่ค้าต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า รวมถึงสิทธิของคู่ค้าตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าไปในทางที่ไม่ชอบ คู่ค้าสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง
14.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
14.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
14.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
14.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คุณพหล โพธิ์สัจจะพันธ์โทร.020593999 ต่อ 9555
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน
วี ฟิตเนส จำกัด ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้อธิบายแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
1. วัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ในการจัดทำนโยบายฉบับนี้
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อชี้แจงให้ผู้สมัครงานในฐานะเจ้าของข้อมูลทราบว่าบริษัทฯ รวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ใด รายละเอียดในการรวบรวม เก็บ ใช้เป็นอย่างไร ตลอดจนชี้แจงสิทธิของผู้สมัครงานตามกฎหมาย
บริษัทฯ อาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมายลำดับรอง ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการ ที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทฯ จะเผยแพร่ใน Website หรือ ช่องท่านอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
2. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนของผู้สมัครงานรายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) และไม่ว่าผู้สมัครงานได้ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัทฯ หรือ ที่บริษัทฯ ได้รับ หรือ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ (ตามที่จะกล่าวต่อไป)ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยตามประกาศมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว
2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
วี ฟิตเนส จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากผู้สมัครงานผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
● การกรอกข้อมูลในใบสมัครงาน
● การกรอกข้อมูลในใบสมัครฝึกงาน
● กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์บริษัท
● การนำส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือก
● การทำแบบทดสอบทักษะความสามารถ
● การทำแบบทดสอบทางภาษา
● การเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการสรรหาบุคลากรของบริษัท
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางโทรศัพท์
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางอีเมล
● การติดต่อสื่อสารบริษัทผ่านช่องทางไปรษณีย์
● Google Login, LINE Login, LinkedIn Login, Facebook Login
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่สามารถเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น เซิร์ชเอนจิน โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์หางาน ฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย หน่วยงานราชการ บุคคลภายนอก บุคคลอ้างอิง สมาชิกครอบครัว นายจ้างเก่า เพื่อนร่วมงานเก่า เป็นต้น
2.2 ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ดังต่อไปนี้ เมื่อบริษัทฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้สมัครงาน เว้นแต่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ (ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปภาพใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น โดยบริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากผู้สมัครงาน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากผู้สมัครงาน เพื่อวัตถุประสงค์ (ก) ในการพิสูจน์ตัวตนของผู้สมัครงานที่สมัครใช้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับบริษัทฯ หากผู้สมัครงานประสงค์จะใช้ข้อมูลชีวภาพในการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือ (ข) ใช้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้สมัครงานเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา หรือเว็บไซต์ของบริษัทฯ )
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นต่อบริษัทฯ ในการใช้เพื่อพิจารณาการจ้างงานหรือปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ เช่น ประวัติการทำงานและประวัติอาชญากรรม (หากมี) หากคุณไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการพิจารณาการสมัครงานของคุณต่อไปได้
3. เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิอะไรที่บริษัทฯ มีในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิบริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวม /ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานมีดังต่อไปนี้
3.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างผู้สมัครงาน กับบริษัทฯ
(1) การเข้าใช้บริการคลับตามสิทธิ์ที่ผู้สมัครงานพึงได้ ตามข้อกำหนดในสัญญาหรือสิทธิ์การเป็นผู้สมัครงาน
(2) สิทธิในการใช้บริการคลับ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการในภายหลัง โดยทั้งสองฝ่ายต้องได้รับความยินยอมและตกลงกันเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลง
(3) การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนดของบริษัทฯ
(4) สิทธิในการยกเลิกการเป็นผู้สมัครงาน ภายใต้เงื่อนไขบริษัทฯ และขอบเขตของกฎหมาย
(5) การรับ–ส่งเอกสารติดต่อระหว่างผู้สมัครงาน กับบริษัทฯ
3.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย
(1) การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของการบริการไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การทะเลาะวิวาท การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก้ผู้ใช้บริการท่านอื่นๆในคลับ หรือ การสร้างความเสียหายทีเกิดกับบริษัทฯ
(2) การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น
3.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
(1) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/ชีวิต/ร่างกาย/เสรีภาพ/ชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น
(2) การบันทึกภาพนิ่ง/วิดิโอภาพ ผู้สมัครงานหรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ โดยเก็บบันทึกข้อมูลลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารของบริษัทฯ
(3) การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเพื่อการดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
(4) การตรวจสอบการรับส่ง E-mail หรือการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้สมัครงาน เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทฯ ต่อบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ หากผู้สมัครงานไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ อาจส่งผลกระทบต่อตัวผู้สมัครงานในการไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและผู้สมัครงานอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ผู้สมัครงานหรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
4. บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานให้แก่ใคร และเหตุผลในการเปิดเผย
บริษัทฯ จะไม่แบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานต่อบุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทพันธมิตรของบริษัทฯ เว้นแต่ (ก) บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากผู้สมัครงาน (ข) เป็นการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของผู้สมัครงาน (ค) การเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
4.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ (Service Provider) ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัทรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ภายในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, การบริการจัดเก็บและทำลายเอกสาร, การบริการรักษาความปลอดภัย, การบริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติพื้นหลัง, การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, การบริการด้านการตลาด บริการสื่อสิ่งพิมพ์, บริการระดับมืออาชีพ เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่างเทคนิค ผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานกฎหมาย สำนักงานภาษี หรือที่ปรึกษาอื่น ๆ
4.2 บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างทำวิจัยให้แก่บริษัทฯ โดยผู้สมัครงานต้องได้รับความยินยอม
4.3 หน่วยงานราชการ และ/หรือ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีหมายเรียก หมายอายัดให้บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน
4.4 การบริหารงานภายในองค์กร บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูล ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของผู้สมัครงาน
4.5 พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อติดต่อและประสานงานในการพัฒนาคุณภาพของผู้สมัครงานและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ
4.6 การถ่ายโอนธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูล รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือการขายกิจการ หรือการถ่ายโอนสินทรัพย์อื่น ๆ โดยฝ่ายที่รับโอนต้องปฏิบัติกับข้อมูลของผู้สมัครงานในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายนี้ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
5. บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานอย่างไร
บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย คู่มือ และมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของผู้สมัครงาน เป็นต้น และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ผู้สมัครงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ ก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานตามสัญญารักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่ง หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯ จะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายประเทศนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
7. สิทธิของผู้สมัครงานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
บริษัทฯ คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ซึ่งสิทธิของผู้สมัครงานในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้สมัครงานควรทราบ ได้แก่
7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ผู้สมัครงาน เช่น ผู้สมัครงานยังมีการใช้บริการ / ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากบริษัทฯ หรือผู้สมัครงานยังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทฯ เป็นต้น
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access Information)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือ ขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ผู้สมัครงานไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (Right to Data Portability)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้สมัครงานจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล (Right to Object Profiling)
ผู้สมัครงานมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้สมัครงาน ในกรณีดังนี้
(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ
7.5 สิทธิขอให้ลบ / ทำลายข้อมูล (Right to Erasure)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นผู้สมัครงานได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป
(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ผู้สมัครงานร้องขอ
(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้สมัครงานขอให้ระงับการใช้แทน
(3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ผู้สมัครงานมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(4) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่ผู้สมัครงานใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล
7.7 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification)
ผู้สมัครงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิร้องเรียน (Right to Complain)
ผู้สมัครงานมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่บริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือ ผู้ประมวลผล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ สิทธิของผู้สมัครงานดังกล่าวข้างต้น จำกัดเฉพาะข้อมูลที่ผู้สมัครงานส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทฯ จัดทำ ซึ่งบริษัทฯ อาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของผู้สมัครงานได้ หากบริษัทฯ มีประโยชน์อันชอบธรรมที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Legitimate interest) ไว้ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับแล้วและเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ เช่น
– เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ได้แก่ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอนั้นรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลซึ่งบริษัทฯ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล เจ้าผู้สมัครงานของรัฐที่มีอำนาจ หรือเอกสารข้อมูลที่ร้องขอนั้นรวมถึงเอกสารทีมีข้อมูลภายในของบริษัทฯ รวมอยู่ด้วย ข้อมูลที่บริษัทฯ ยังต้องใช้ในการทำธุรกรรมกับผู้สมัครงานเมื่อผู้สมัครงานยังคงเป็นผู้สมัครงานของบริษัทฯ อยู่
8. หน้าที่ของผู้สมัครงานในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
เนื่องด้วยบริษัทฯ จะสามารถมอบสิทธิประโยชน์หรือปฏิบัติตามระเบียบบริษัทฯ หรือกฏหมายที่เกี่ยวข้องได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้สมัครงาน (Customer Due Diligence) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อมูลปัจจุบันให้มากที่สุด ดังนั้น ผู้สมัครงานจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ ในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
9. บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานไว้นานเท่าใด
ในกรณีที่ผู้สมัครงานไม่ได้เป็นผู้สมัครงานของบริษัทฯ อีกต่อไป หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไปแล้ว บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานสำรองไว้ตามที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบาย คู่มือต่าง ๆ ในเรื่องการจัดเก็บ ทำลายเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทฯ
10. การโฆษณาและการตลาด
เพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิ์สวัสดิการหรืออื่นๆสำหรับผู้สมัครงาน บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของผู้สมัครงานเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงพัฒนาคุณภาพของผู้สมัครงานและองค์กรผ่านทาง Google, Facebook, pixel tracking code และอื่น ๆ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับผู้สมัครงาน เว็บไซต์ของบริษัทฯ อาจแสดงโฆษณาจากบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกของบริษัทฯ เช่น Google AdSense, BuySellAds บุคคลที่สามเหล่านี้อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเพื่อดำเนินการเหล่านี้เท่านั้น และมีหน้าที่ไม่เปิดเผยหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
บริษัทฯ อาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของผู้สมัครงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้สมัครงาน หากผู้สมัครงานไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทฯ ผ่านทางอีเมลอีกต่อไป ผู้สมัครงานสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” หรือแจ้งทางบริษัทฯ เพื่อยกเลิกได้
11. การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีการเก็บข้อมูลใน Server ของบริษัทฯ เอง และหรือผู้ให้บริการ cloud service providerในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
12. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้สมัครงาน บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้ผู้สมัครงานทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
13. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยผู้สมัครงานสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
14. ช่องทางและรายละเอียดการติดต่อ
หากผู้สมัครงานต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน รวมถึงสิทธิของผู้สมัครงานตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานไปในทางที่ไม่ชอบ ผู้สมัครงานสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง
14.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
14.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
14.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
14.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คุณพหล โพธิ์สัจจะพันธ์ โทร.020593999 ต่อ 9555
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน
วี ฟิตเนส จำกัด ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้อธิบายแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
1. วัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ในการจัดทำนโยบายฉบับนี้
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อชี้แจงให้พนักงานในฐานะเจ้าของข้อมูลทราบว่าบริษัทฯ รวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ใด รายละเอียดในการรวบรวม เก็บ ใช้เป็นอย่างไร ตลอดจนชี้แจงสิทธิของพนักงานตามกฎหมาย
บริษัทฯ อาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมายลำดับรอง ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการ ที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทฯ จะเผยแพร่ใน Website หรือ ช่องท่านอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
2. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนของพนักงานรายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) และไม่ว่าพนักงานได้ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัทฯ หรือ ที่บริษัทฯ ได้รับ หรือ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ (ตามที่จะกล่าวต่อไป)ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยตามประกาศมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว
2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
วี ฟิตเนส จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากพนักงานผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
● การทำสัญญาจ้าง เอกสารสมัครงาน และเอกสารประกอบต่าง ๆ
● การลงทะเบียนและการสมัครงานผ่านทางเว็บไซต์บริษัท
● ทางโทรศัพท์
● ทางอีเมล
● Google Login, LINE Login, LinkedIn Login, Facebook Login
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทฯ เข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น เสิร์ชเอนจิน โซเชียลมีเดีย หน่วยงานราชการ บุคคลภายนอกอื่น ๆ เป็นต้น
2.2 ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ดังต่อไปนี้ เมื่อบริษัทฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงาน เว้นแต่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ (ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปภาพใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น โดยบริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากพนักงาน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากพนักงาน เพื่อวัตถุประสงค์ (ก) ในการพิสูจน์ตัวตนของพนักงานที่สมัครใช้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับบริษัทฯ หากพนักงานประสงค์จะใช้ข้อมูลชีวภาพในการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือ (ข) ใช้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของพนักงานเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สาขา หรือเว็บไซต์ของบริษัทฯ )
3. เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิอะไรที่บริษัทฯ มีในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิบริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวม /ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานมีดังต่อไปนี้
3.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างพนักงาน กับบริษัทฯ
(1) การเข้าใช้บริการคลับตามสิทธิ์ที่พนักงานพึงได้ ตามข้อกำหนดในสัญญาหรือสิทธิ์การเป็นพนักงาน
(2) สิทธิในการใช้บริการคลับ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการในภายหลัง โดยทั้งสองฝ่ายต้องได้รับความยินยอมและตกลงกันเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลง
(3) การปฏิบัติการกฎระบบการของพนังาน ตามระเบียบและข้อกำหนดของบริษัทฯ
(4) สิทธิในการยกเลิกการเป็นพนักงาน ภายใต้เงื่อนไขบริษัทฯ และขอบเขตของกฎหมาย
(5) การรับ–ส่งเอกสารติดต่อระหว่างพนักงาน กับบริษัทฯ
3.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย
(1) การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของการบริการไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การทะเลาะวิวาท การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก้ผู้ใช้บริการท่านอื่นๆในคลับ หรือ การสร้างความเสียหายทีเกิดกับบริษัทฯ
(2) การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น
3.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
(1) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/ชีวิต/ร่างกาย/เสรีภาพ/ชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น
(2) การบันทึกภาพนิ่ง/วิดิโอภาพ พนักงานหรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ โดยเก็บบันทึกข้อมูลลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารของบริษัทฯ
(3) การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเพื่อการดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
(4) การตรวจสอบการรับส่ง E-mail หรือการใช้อินเทอร์เน็ตของพนักงาน เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทฯ ต่อบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ หากพนักงานไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ อาจส่งผลกระทบต่อตัวพนักงานในการไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและพนักงานอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่พนักงานหรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
4. บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้แก่ใคร และเหตุผลในการเปิดเผย
บริษัทฯ จะไม่แบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานต่อบุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทพันธมิตรของบริษัทฯ เว้นแต่ (ก) บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากพนักงาน (ข) เป็นการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของพนักงาน (ค) การเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
4.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ (Service Provider) ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัทรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ภายในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, การบริการจัดเก็บและทำลายเอกสาร, การบริการรักษาความปลอดภัย, การบริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติพื้นหลัง, การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, การบริการด้านการตลาด บริการสื่อสิ่งพิมพ์, บริการระดับมืออาชีพ เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่างเทคนิค ผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานกฎหมาย สำนักงานภาษี หรือที่ปรึกษาอื่น ๆ
4.2 บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างทำวิจัยให้แก่บริษัทฯ โดยพนักต้องได้รับความยินยอม
4.3 หน่วยงานราชการ และ/หรือ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีหมายเรียก หมายอายัดให้บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
4.4 การบริหารงานภายในองค์กร บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูล ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของพนักงาน
4.5 พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อติดต่อและประสานงานในการพัฒนาคุณภาพของพนักงานและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ
4.6 การถ่ายโอนธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูล รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือการขายกิจการ หรือการถ่ายโอนสินทรัพย์อื่น ๆ โดยฝ่ายที่รับโอนต้องปฏิบัติกับข้อมูลของพนักงานในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายนี้ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
5. บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานอย่างไร
บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย คู่มือ และมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของพนักงาน เป็นต้น และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ ก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานตามสัญญารักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่ง หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯ จะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายประเทศนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
● ดำเนินการตามสัญญาจ้างงาน
● ดำเนินการตามสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับ (NDA)
● ดำเนินการตามข้อบังคับการทำงานของบริษัท
● ดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ของบริษัท
● บริหารจัดการด้านเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าสวัสดิการ โบนัส การหักภาษี ประกันสังคม การอายัดเงินตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
● บริหารจัดการด้านบุคลากร เช่น การเข้า–ออกเวลาทำงาน การใช้สิทธิวันลาตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนด
● บริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การตรวจร่างกายประจำปี การฉีดวัคซีน การทำประกันสุขภาพ เป็นต้น
● ปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งของหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานประกันสังคม สวัสดิการคุ้มครองแรงงาน กรมสรรพากร ศาล รวมถึงหน่วยงานราชการอื่น ๆ
● รักษาความปลอดภัยภายในองค์กรและอาคาร เช่น การบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) การทำบัตรพนักงาน เป็นต้น
● เพื่อวางแผนทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารความเสี่ยง การตรวจสอบ การจัดการภายในองค์กร
● เพื่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ รวมถึงให้ข้อมูลต่าง ๆ ภายในองค์กร
● เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย และการยกข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
7. สิทธิของพนักงานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
บริษัทฯ คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน ซึ่งสิทธิของพนักงานในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่พนักงานควรทราบ ได้แก่
7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
พนักงานมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่พนักงาน เช่น พนักงานยังมีการใช้บริการ / ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากบริษัทฯ หรือพนักงานยังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทฯ เป็นต้น
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access Information)
พนักงานมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือ ขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่พนักงานไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (Right to Data Portability)
พนักงานมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับพนักงานจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล (Right to Object Profiling)
พนักงานมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับพนักงาน ในกรณีดังนี้
(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ
7.5 สิทธิขอให้ลบ / ทำลายข้อมูล (Right to Erasure)
พนักงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นพนักงานได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป
(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
พนักงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่พนักงานร้องขอ
(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่พนักงานขอให้ระงับการใช้แทน
(3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่พนักงานมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(4) เมื่อบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่พนักงานใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล
7.7 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification)
พนักงานมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิร้องเรียน (Right to Complain)
พนักงานมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่บริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือ ผู้ประมวลผล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ สิทธิของพนักงานดังกล่าวข้างต้น จำกัดเฉพาะข้อมูลที่พนักงานส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทฯ จัดทำ ซึ่งบริษัทฯ อาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของพนักงานได้ หากบริษัทฯ มีประโยชน์อันชอบธรรมที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Legitimate interest) ไว้ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับแล้วและเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ เช่น
– เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ได้แก่ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอนั้นรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลซึ่งบริษัทฯ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจ หรือเอกสารข้อมูลที่ร้องขอนั้นรวมถึงเอกสารทีมีข้อมูลภายในของบริษัทฯ รวมอยู่ด้วย ข้อมูลที่บริษัทฯ ยังต้องใช้ในการทำธุรกรรมกับพนักงานเมื่อพนักงานยังคงเป็นพนักงานของบริษัทฯ อยู่
8. หน้าที่ของพนักงานในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลมีอย่างไร
เนื่องด้วยบริษัทฯ จะสามารถมอบสิทธิประโยชน์หรือปฏิบัติตามระเบียบบริษัทฯ หรือกฏหมายที่เกี่ยวข้องได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพนักงาน (Customer Due Diligence) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อมูลปัจจุบันให้มากที่สุด ดังนั้น พนักงานจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ ในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
9. บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้นานเท่าใด
ในกรณีที่พนักงานไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทฯ อีกต่อไป หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไปแล้ว บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานสำรองไว้ตามที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบาย คู่มือต่าง ๆ ในเรื่องการจัดเก็บ ทำลายเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทฯ
10. การโฆษณาและการตลาด
เพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิ์สวัสดิการหรืออื่นๆสำหรับพนักงาน บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของพนักงานเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงพัฒนาคุณภาพของพนักงานและองค์กรผ่านทาง Google, Facebook, pixel tracking code และอื่น ๆ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับพนักงาน เว็บไซต์ของบริษัทฯ อาจแสดงโฆษณาจากบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกของบริษัทฯ เช่น Google AdSense, BuySellAds บุคคลที่สามเหล่านี้อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเพื่อดำเนินการเหล่านี้เท่านั้น และมีหน้าที่ไม่เปิดเผยหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
บริษัทฯ อาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของพนักงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพนักงาน หากพนักงานไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทฯ ผ่านทางอีเมลอีกต่อไป พนักงานสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” หรือแจ้งทางบริษัทฯ เพื่อยกเลิกได้
11. การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีการเก็บข้อมูลใน Server ของบริษัทฯ เอง และหรือผู้ให้บริการ cloud service providerในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
12. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของพนักงาน บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้พนักงานทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
13. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยพนักงานสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
14. ช่องทางและรายละเอียดการติดต่อ
หากพนักงานต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน รวมถึงสิทธิของพนักงานตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปในทางที่ไม่ชอบ พนักงานสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง
14.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
14.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
14.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
14.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คุณพหล โพธิ์สัจจะพันธ์ โทร.020593999 ต่อ 9555
นโยบายความเป็นส่วนตัวกล้องวงจรปิด
วี ฟิตเนส จำกัด ได้ติดตั้งและใช้กล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้อธิบายแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ได้เก็บรวบรวมได้จากกล้องวงจรปิด รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลกล้องวงจรปิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิด พ.ศ. 2562
1. วัตถุประสงค์ของบริษัทฯในการจัดทำนโยบายฉบับนี้
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อชี้แจงให้ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลทราบว่าบริษัทฯ รวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ใด รายละเอียดในการรวบรวม เก็บ ใช้เป็นอย่างไร ตลอดจนชี้แจงสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามกฎหมาย
บริษัทฯ อาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมายลำดับรอง ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการ ที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทฯจะเผยแพร่ใน Website หรือ ช่องท่านอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิด
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิดของคุณที่ได้จากกล้องวงจรปิด โดยกล้องวงจรปิดจะบันทึกเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงของคุณในพื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของบริษัทฯ
3. เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิอะไรที่บริษัทฯมีในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิด
เหตุผล/วัตถุประสงค์และสิทธิบริษัทฯดำเนินการเก็บรวบรวม /ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีดังต่อไปนี้
3.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ กับบริษัทฯ
(1) การเข้าใช้บริการตามสิทธิ์ที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการพึงได้ ตามข้อกำหนดในสัญญาหรือเงื่อนไข ก่อนเข้าใช้บริการครั้งแรก
(2) สิทธิในการใช้บริการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการในภายหลัง โดยทั้งสองฝ่ายต้องได้รับความยินยอมและตกลงกันเอาไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลง
(3) การปฏิบัติการกฎระบบการเข้าใช้บริการ ตามระเบียบและข้อกำหนดของบริษัทฯ
(4) สิทธิในการยกเลิกการใช้บริการ ภายใต้เงื่อนไขบริษัทฯ และขอบเขตของกฎหมาย
3.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย
(1) การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของการบริการไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การทะเลาะวิวาท การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก้ผู้ใช้บริการท่านอื่นๆในคลับ หรือ การสร้างความเสียหายทีเกิดกับบริษัทฯที่ให้บริการ
(2) การรายงานข้อมูลกล้องวงจรปิดต่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น
3.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
(1) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/ชีวิต/ร่างกาย/เสรีภาพ/ชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลกล้องวงจรปิดเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น
(2) การบันทึกภาพนิ่ง/วิดิโอภาพ ผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ โดยเก็บบันทึกข้อมูลลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารของบริษัทฯ
(3) การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเพื่อการดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการส่งข้อมูลกล้องวงจรปิดไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ไม่ให้ความยินยอมในการเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดกับบริษัทฯอาจส่งผลกระทบต่อตัวท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในการไม่ได้รับการให้ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ/บริการ ไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการหรือบริษัทฯต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
4. บริษัทฯเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการให้แก่ใคร และเหตุผลในการเปิดเผย
บริษัทฯจะไม่แบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการต่อบุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทพันธมิตรของบริษัทฯ เว้นแต่ (ก) บริษัทฯได้รับความยินยอมจากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (ข) เป็นการทำธุรกรรมตามความประสงค์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (ค) การเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
4.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ (Service Provider) ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัทรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ภายในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, การบริการจัดเก็บและทำลายเอกสาร, การบริการรักษาความปลอดภัย, การบริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและประวัติพื้นหลัง, การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, การบริการด้านการตลาด บริการสื่อสิ่งพิมพ์, บริการระดับมืออาชีพ เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่างเทคนิค ผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานกฎหมาย สำนักงานภาษี หรือที่ปรึกษาอื่น ๆ
4.2 บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างทำวิจัยให้แก่บริษัทฯ โดยสมาชิกต้องได้รับความยินยอม
4.3 หน่วยงานราชการ และ/หรือ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีหมายเรียก หมายอายัดให้บริษัทฯส่งข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ
4.4 การบริหารงานภายในองค์กร เพื่อปรับปรุงและพัฒนาสินค้าหรือบริการของบริษัทฯ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลภายในสำหรับสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการและผู้อื่นมากขึ้น
4.5 พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อติดต่อและประสานงานในการให้บริการสินค้าหรือบริการ และให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของสินค้าหรือบริการ
4.6 การถ่ายโอนธุรกิจ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูล รวมถึงข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือการขายกิจการ หรือการถ่ายโอนสินทรัพย์อื่น ๆ โดยฝ่ายที่รับโอนต้องปฏิบัติกับข้อมูลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายนี้ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดด้วย
5. บริษัทฯคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการอย่างไร
บริษัทฯได้กำหนดนโยบาย คู่มือ และมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดการข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลกล้องวงจรปิดที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลกล้องวงจรปิด เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เป็นต้น และบริษัทฯได้มีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานขั้นต่ำดังกล่าวเป็นระยะ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามสัญญารักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
ในกรณีที่บริษัทฯมีความจำเป็นต้องส่ง หรือ โอนข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลกล้องวงจรปิดต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯจะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายประเทศนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
6. การประมวลผลข้อมูลกล้องวงจรปิด
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
● เพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ และทรัพย์สินของคุณ
● เพื่อสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม
● เพื่อช่วยเหลือในการระงับข้อพิพาททางศาล กระบวนการทางวินัย หรือการร้องทุกข์
● เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
● เพื่อกระทำการอื่นใดที่เกี่ยวข้องให้บรรลุวัตถุประสงค์ของระบบกล้องวงจรปิด
บริษัทฯ อาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลกล้องวงจรปิดดังกล่าวข้างต้น ดังต่อไปนี้ (1) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (2) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ และ (3) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
7. สิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลกล้องวงจรปิดมีอย่างไร
บริษัทฯคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ซึ่งสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการควรทราบ ได้แก่
7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ เช่น ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังมีการใช้บริการ / ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากบริษัทฯ หรือท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทฯ เป็นต้น
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access Information)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือ ขอให้บริษัทฯเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (Right to Data Portability)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการจากบริษัทฯ ในกรณีที่บริษัทฯได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้ง (ก) มีสิทธิขอให้บริษัทฯส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลกล้องวงจรปิดอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (ข) ขอรับข้อมูลที่บริษัทฯส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลกล้องวงจรปิดอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล (Right to Object Profiling)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ ในกรณีดังนี้
(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ
7.5 สิทธิขอให้ลบ / ทำลายข้อมูล (Right to Erasure)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลกล้องวงจรปิดเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อข้อมูลกล้องวงจรปิดหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลกล้องวงจรปิดถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดอีกต่อไป
(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลกล้องวงจรปิดคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิด เนื่องจากข้อมูลกล้องวงจรปิดหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(4) เมื่อข้อมูลกล้องวงจรปิดได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลกล้องวงจรปิด (Right to Restrict Processing)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการใช้ข้อมูลกล้องวงจรปิดได้ ในกรณีดังนี้
(1) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการร้องขอ
(2) เมื่อเป็นข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการขอให้ระงับการใช้แทน
(3) เมื่อข้อมูลกล้องวงจรปิดหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิด แต่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(4) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล
7.7 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทฯดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิร้องเรียน (Right to Complain)
ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่บริษัทฯหรือผู้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ หรือ ผู้ประมวลผล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิด รวมถึงกฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ สิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการดังกล่าวข้างต้น จำกัดเฉพาะข้อมูลที่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทฯจัดทำ ซึ่งบริษัทฯอาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการได้ หากบริษัทฯมีประโยชน์อันชอบธรรมที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิด (Legitimate interest) ไว้ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดมีผลบังคับแล้วและเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรรมการคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดกำหนดไว้ เช่น
– เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลกล้องวงจรปิดนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ได้แก่ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลกล้องวงจรปิดร้องขอนั้นรวมถึงข้อมูลกล้องวงจรปิดของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลซึ่งบริษัทฯต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจ หรือเอกสารข้อมูลที่ร้องขอนั้นรวมถึงเอกสารทีมีข้อมูลภายในของบริษัทฯรวมอยู่ด้วย ข้อมูลที่บริษัทฯยังต้องใช้ในการทำธุรกรรมกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเมื่อท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการยังคงเป็นท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการของบริษัทฯอยู่ ไม่ได้ขอยกเลิกบริการหรือสัญญากับบริษัทฯ เป็นต้น
8. หน้าที่ของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการในการให้ข้อมูลกล้องวงจรปิดมีอย่างไร
เนื่องด้วยบริษัทฯจะสามารถให้บริการแก่ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามข้อสัญญาระหว่างกันได้ก็ต่อเมื่อบริษัทฯได้รับข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ รวมทั้งข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการที่บริษัทฯเก็บรวบรวมเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ (Customer Due Diligence) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อมูลปัจจุบันให้มากที่สุด ดังนั้น ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับบริษัทฯในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
9. บริษัทฯจัดเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไว้นานเท่าใด
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลกล้องวงจรปิดของคุณไว้ภายใน 30 วัน หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดไว้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯ จะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้
10. การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลกล้องวงจรปิดและวิธีการเก็บข้อมูล
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลกล้องวงจรปิด ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลกล้องวงจรปิด (access control) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีการเก็บข้อมูลใน Server หรือผู้ให้บริการ cloud service providerในประเทศไทยและต่างประเทศ
11. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลกล้องวงจรปิด
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิดทราบโดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยเร็วที่สุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
13. ช่องทางและรายละเอียดการติดต่อ
หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ รวมถึงสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลกล้องวงจรปิดในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลกล้องวงจรปิดของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถติดต่อบริษัทฯผ่านช่องทาง
14.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
14.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
14.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
14.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลกล้องวงจรปิด คุณพหล โพธิ์สัจจะพันธ์ โทร.020593999 ต่อ 9555
นโยบายความเป็นส่วนตัวคุกกี้(Cookies)
นโยบายคุกกี้ฉบับนี้ได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com โปรดศึกษานโยบายคุกกี้ฉบับนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถเข้าใจแนวปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผยคุกกี้ รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของบริษัทฯ
1. คุกกี้คืออะไร
คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เมื่อผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เยี่ยมชมเว็บไซต์ หลังจากนั้นคุกกี้จะถูกส่งกลับไปยังเว็บไซต์ต้นทางในแต่ละครั้งของการเข้าเยี่ยมชมในครั้งถัดไปหรือส่งไปยังเว็บไซต์อื่นที่จดจำคุกกี้นั้นได้ คุกกี้เหล่านี้ถูกใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลแก่เจ้าของเว็บไซต์
คุกกี้แบบชั่วคราว (Session Cookies) คือ คุกกี้ที่มีระยะเวลาชั่วคราวจะถูกใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เยี่ยมชมเว็บไซต์และจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ปิดบราวเซอร์
คุกกี้แบบถาวร (Persistent Cookies) คือ คุกกี้ที่มีระยะเวลาอยู่ตลอดจนกว่าหมดอายุหรือถูกลบ ใช้จดจำการตั้งค่าของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ภายในเว็บไซต์ และจะยังคงอยู่ในคอมพิวเตอร์หรือบนมือถือของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์แม้ว่าผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์จะปิดเว็บไซต์นั้นแล้ว คุกกี้ดังกล่าวนี้จะช่วยเรื่องความสอดคล้องของข้อมูลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในขณะที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือบริการ
คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่ง คือ คุกกี้ที่ถูกกำหนดโดยเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์กำลังเยี่ยมชม
คุกกี้ของบุคคลที่สาม คือ คุกกี้ถูกกำหนดโดยเว็บไซต์ของบุคคลที่สามแยกต่างหากจากไซต์ที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์กำลังเยี่ยมชม เช่น ผู้ให้บริการข้อมูล โฆษณา หรือการวิเคราะห์บนเว็บไซต์
เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน คือ เทคโนโลยีที่จัดเก็บข้อมูลในบราวเซอร์หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เพื่อแบ่งปันข้อมูลหรือจัดเก็บข้อมูล เช่น แฟลชคุกกี้ HTML 5 และวิธีการอื่น ๆ ของซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันบนเว็บไซต์
2. การใช้งานคุกกี้(Cookies)
บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน โดยบริษัทฯ จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:
เพื่อเก็บข้อมูลการสมัครสมาชิกแบบ Onlines หรือบริการอื่นๆ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลต่างๆ ได้แก่
เว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com มีกระบวนการในการสร้างความมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน ตามมาตรฐานทางธุรกิจ และมีกระบวนการที่ท่านสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตัวเอง บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้บริการของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้ เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการของเว็บไซต์บริษัทฯ
www.wefitnesssociety.com อาจตรวจสอบพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลของลูกค้าที่เป็นสมาชิกของเว็บไซต์ และผู้ใช้บริการต่างๆ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ รวมถึงอาจใช้ระบบ“คุกกี้“(cookie) ในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยจะติดตั้ง“คุกกี้“บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ ซึ่งจะเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ เมื่อท่านได้ส่งอีเมลมายังบริษัทฯ บริษัทฯ จะเก็บเนื้อหาในอีเมล ที่อยู่ของอีเมล และการโต้ตอบอีเมล ดังกล่าวไว้ เพื่อตอบข้อสงสัยให้แก่ท่าน เพื่อการติดตามผล และเพื่อตรวจสอบการโต้ตอบระหว่างลูกค้าและเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อสงสัยนั้นๆ จะได้รับการแก้ไข
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้หรือใช้ผ่านการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทํางานของเว็บไซต์ www.wefitnesssociety.comของบริษัทฯ นั้น ท่านยอมรับและตกลงว่า บริษัทฯ สามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและเพื่อการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษามาตรฐานและพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นเป็นสำคัญ เว็บไซต์ www.wefitnesssociety.comจะไม่ส่งต่อ หรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกอื่นหรือองค์กรอื่นใดโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่
เว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com อาจทำความตกลงกับผู้ให้บริการภายนอก (Third Party) เพื่อดูแลรักษาและพัฒนาระบบของบริษัทฯ และเพื่อการจัดสรรทรัพยากรหรือบริการในนามของบริษัทฯ ซึ่งบุคคลภายนอกที่เข้ามาดำเนินงานให้บริษัทฯ หรือในนามของบริษัทฯ จะต้องตกลงที่จะรักษาข้อมูลลูกค้าของเว็บไซต์บริษัทฯ ไว้เป็นความลับด้วยเช่นกัน และจะต้องปฎิบัติตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลเป็นความลับของบริษัทฯ รวมถึงยังต้องผูกพันต่อกฎหมายที่มีผลใช้บังคับด้วย
บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะคุ้มครองรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้เหล่านั้นเป็นความลับตามเกณฑ์มาตรฐานการรักษาข้อมูลเป็นความลับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับสากลเพื่อคุ้มครองข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขการใช้บริการและเว็บไซต์ของบริษัทโดยเคร่งครัด
ในกรณีที่ท่านได้รับความเสียหาย อันเกิดจากความสูญหายหรือเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเกิดจากเหตุใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะ เกิดจากการถูกจารกรรมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Hack) หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธความรับผิดจากเหตุดังกล่าวทั้งหมด และบริษัทฯ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย สูญหายใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
3. ประเภทคุกกี้ที่ใช้ ประเภทคุกกี้ที่บริษัทฯ ใช้บนเว็บไซต์ มีดังต่อไปนี้
คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง (Strictly Necessary Cookies) คุกกี้เหล่านี้มีความสำคัญต่อการให้บริการบนเว็บไซต์แก่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์และเพื่อให้ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถใช้ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ลักษณะบางอย่างได้ คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้งานและช่วยป้องกันการปลอมแปลงบัญชีผู้ใช้งาน หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้บริษัทฯ อาจไม่สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ บริษัทฯ ใช้คุกกี้ดังกล่าวนี้เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์
คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ (Functional Cookies) คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ จดจำสิ่งที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เลือกเมื่อผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ใช้งานเว็บไซต์ เช่น การจดจำรายละเอียดการเข้าสู่ระบบหรือการตั้งค่าภาษาของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ วัตถุประสงค์ของคุกกี้เหล่านี้มีเพื่อให้ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นและเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ต้องใส่ข้อมูลของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ใหม่ทุกครั้งเมื่อผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ใช้งานเว็บไซต์ คุกกี้ดังกล่าวนี้เป็นคุกกี้แบบถาวรเนื่องจากยังคงอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เพื่อให้บริษัทฯ ใช้ในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ครั้งต่อไปของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถลบคุกกี้เหล่านี้ผ่านบราวเซอร์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ (Analytical/Performance Cookies) คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ จดจำและนับจำนวนผู้ใช้งานบนไซต์ของบริษัทฯ รวมถึงทำให้บริษัทฯ เข้าใจถึงวิธีการที่ผู้ใช้งานใช้งานบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์บริษัทฯ เช่น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Advertising Cookies) คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ คุกกี้เหล่านี้จะจำกัดจำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เห็นโฆษณาและช่วยให้บริษัทฯ ประเมินประสิทธิภาพด้านการตลาด นอกจากนี้บริษัทฯ อาจใช้ข้อมูลที่ได้รับจากคุกกี้เหล่านี้เพื่อเสนอโฆษณาที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์อาจสนใจโดยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ที่ผ่านมา คุกกี้ดังกล่าวนี้เป็นคุกกี้แบบถาวร บริษัทฯ อาจแบ่งปันข้อมูลนี้กับบุคคลที่สามรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ
4. สิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการหรือสมาชิก บริษัทฯ มีนโยบายในการเคารพสิทธิส่วนบุคคลของสมาชิก บริษัทฯ จะไม่ทําการตรวจสอบ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก เว้นแต่ว่าบริษัทฯ มีความเชื่อที่ดีว่า การกระทําดังกล่าวจําเป็นเพื่อที่จะ
อนึ่ง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการใช้บริการบนเว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com ท่านตกลงว่า ท่านจะไม่กระทําการใดอันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิอื่นใดของบุคคลภายนอก และ/หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทฯ หรือของบุคคลภายนอก รวมทั้งต้องไม่กระทําการใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และ/หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยจะไม่ส่งเนื้อหา รวมถึงการนําข้อความ รูปภาพ หรือภาพเคลื่อนไหว ที่ไม่เหมาะสม ไม่สุภาพ มีลักษณะเสียดสี ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เป็นความลับ หรือเป็นเท็จ หรือมีลักษณะขัดต่อกฎหมาย และ/หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เผยแพร่ผ่านบริการบนเว็บไซต์นี้ หรือกระทําการอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดความสูญเสียหรือเสียหายต่อบริษัทฯ และ/หรือบุคคลภายนอก
หากปรากฎว่ามีการส่งเนื้อหา รวมถึงการนำข้อความ รูปภาพใดๆ ที่มีลักษณะขัดหรือละเมิดต่อกฎหมายตามที่ได้กล่าวไว้ในวรรคก่อน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ปรับแก้ไข ระงับ ตัด หรือลบข้อความ หรือรูปภาพเช่นว่านั้นออกจากเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ โดยไม่ต้องแจ้งก่อนแต่อย่างใด
5. การไม่เป็นตัวแทนข้อมูลข่าวสาร การสละข้อเรียกข้อง
การนําเสนอข้อมูล ข่าวสาร บทความ หรือข้อความอื่นใดทั้งหมดในเว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com นี้ เป็นเพียงการให้บริการ รวบรวมข้อมูล ความรู้ ฐานข้อมูลทางวิชาการ และความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งเป็นเวทีแสดงความคิดเห็น หรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสาร ระหว่างผู้ใช้บริการด้วยกันเท่านั้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่รับรองว่าบรรดาข้อมูล ข่าวสาร บทความ หรือข้อความอื่นใดที่ปรากฏผ่านบริการและที่อยู่บนเว็บไซต์นี้ ถูกต้อง สมบูรณ์ ปราศจากข้อบกพร่อง เสียหาย หรือสมประโยชน์ใดโดยเฉพาะ
บริษัทฯ ไม่ใช่ตัวแทน หุ้นส่วน หรือมีนิติสัมพันธ์ใดๆ กับเจ้าของข้อมูลข่าวสาร บทความ หรือข้อความใดๆ ซึ่งปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ เว็บไซต์นี้เป็นเพียงสื่อกลางที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างผู้ใช้บริการ และเจ้าของข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ เท่านั้น โดยบริษัทฯ ไม่สามารถตรวจสอบหรือทราบถึงแหล่งที่มา และ/หรือรายละเอียดของเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์ ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลดังกล่าว หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิ ความรับผิด และ/หรือ ภาระผูกพันทางกฎหมายไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ระหว่างบริษัทฯ เจ้าของข้อมูลข่าวสาร ผู้ใช้บริการ สมาชิกของเว็บไซต์ และบุคคลภายนอก
7. นโยบายการแก้ปัญหาข้อร้องเรียน
เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลที่กระทำโดยเจตนาสุจริต เว็บไซต์ www.wefitnesssociety.com จะปกปิดและเก็บรักษาชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลใดๆ ที่สามารถระบุตัวผู้ร้องเรียนหรือผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ โดยจำกัดเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้
อนึ่ง ผู้ได้รับข้อมูลจากการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียน มีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูล ข้อร้องเรียน และเอกสารหลักฐานของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ ห้ามเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
8. ลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย
บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า บรรดาข้อความ ภาพ เสียง เนื้อหา ส่วนประกอบใดๆ ทั้งหมดของเว็บไซต์ รวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ ชื่อ ชื่อทางการค้า สิทธิบัตร องค์ความรู้ต่างๆ ฯลฯ ที่ปรากฎบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ นี้ เป็นงานอันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว
หากบุคคลใด ลอกเลียน ปลอมแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน จําหน่าย มีไว้ให้เช่าหรือกระทําการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าหรือแสวงประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าโดยประการใดๆ จากทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ บริษัทฯ จะดําเนินการตามกฎหมายกับผู้ละเมิดสิทธิดังกล่าวโดยทันที
บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะแก้ไข ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงข้อความทางกฎหมายนี้ได้ตลอดเวลาตามที่เห็นสมควร โดยไม่ต้องบอกกล่าว
9. ทางเลือกเกี่ยวกับคุกกี้
ในกรณีที่ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ไม่ประสงค์ให้มีการใช้งานคุกกี้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการตั้งค่าบนบราวเซอร์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์เพื่อเลือกการใช้งานที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ หากผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ปิดการใช้งานหรือลบคุกกี้บางอย่างในการตั้งค่าบราวเซอร์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ ทั้งนี้ การใช้งานบนเว็บไซต์หรือผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ลักษณะบางอย่างอาจทำงานได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์
หากผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้และการตั้งค่าคุกกี้ดังกล่าว ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ทางการบราวเซอร์ของผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการปฏิเสธหรือการลบคุกกี้ ตลอดจนข้อมูลเพิ่มเติมทั่วไปเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ www.allaboutcookies.org
10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุกกี้
บริษัทฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.wefitnesssociety.com/privacy-notice นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
11. ช่องทางและรายละเอียดการติดต่อ
หากท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการต้องการติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการ รวมถึงสิทธิของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการตามประกาศฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลทางการตลาด หรือ กรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสมาชิกและผู้ใช้บริการสามารถติดต่อบริษัทฯผ่านช่องทาง
11.1 Line: @wecool หรือ โทร 020593939
11.2 สถานที่ติดต่อ : บริษัท วี ฟิตเนส เลขที่ 234/3 ห้องเลขที่ C401-A ชั้น4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10540
11.3 e-mail มาที่ dpo@wefitnesssociety.com
11.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซด์สิทธินนท์ จำปาขันธ์ โทร.020593999 ต่อ 9555